เปิดรายได้โซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก พร้อมวิเคราะห์ธุรกิจของคุณเพื่อทำการตลาดออนไลน์

 

โซเชียลมีเดียวมีอยู่หลากหลายแพลตฟอร์ม แต่ละแพลตฟอร์มก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด วันนี้เราขอนำเสนอโซเชียลมีเดียที่มีรายได้สูงสุด 10 อันดับ และมีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดดิจิทัลจำเป็นต้องรู้

ตารางแสดงรายได้โซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก

โซเชียลมีเดีย	จำนวนผู้ใช้งาน	รายได้	ปีเปิดตัว
Facebook	2.7 พันล้านราย	86 พันล้านดอลลาร์	ปี 2004
YouTube	2.2 พันล้านราย	19.8 พันล้านดอลลาร์	ปี 2005
WhatsApp	2 พันล้านราย	5 พันล้านดอลลาร์	ปี 2009
Instagram	1.6 พันล้านราย	6.8 พันล้านดอลลาร์	ปี 2010
TikTok	689 ล้านราย	35 พันล้านดอลลาร์	ปี 2016
Snapchat	433 ล้านราย	911 ล้านเหรียญสหรัฐ	ปี 2011
Reddit	430 ล้านราย	212.5 ล้านเหรียญสหรัฐ	ปี 2005
Pinterest	416 ล้านราย	1,693 ล้านเหรียญสหรัฐ	ปี 2010
Twitter	353 ล้านราย	3.72 พันล้านดอลลาร์	ปี 2006
LinkedIn	310 ล้านราย	8.05 พันล้านดอลลาร์	ปี 2003

จากตารางข้างต้น พบว่า โซเชียลมีเดียวที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก 3 อันดับแรก ได้แก่ Facebook, YouTube และ WhatsApp ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การทำการตลาดออนไลน์ สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องใช้ช่องทางที่คุณถนัด และช่องที่กลุ่มเป้าหมายรวมตัวกันอยู่

ตัวอย่าง ร้านขายเสื้อผ้ามือสอง กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่อยู่ใน Facebook และ TikTok ก็เลือกวางแผนทำการตลาดในแพลตฟอร์มข้างต้น ซึ่งแตกต่างจากร้านขายเบเกอร์รี่ ที่อาจมีฐานลูกค้าอยู่ใน Facebook และ Instagram แน่นอนว่าฐานลูกค้าของแต่ละร้านอาจจะรวมอยู่ในแพลต์ฟอร์มเดียวกันหรือต่างกันก็ได้

การวิเคราะห์สถานการณ์ จะช่วยให้คุณเข้าใจธุรกิจของตนเองชัดเจนขึ้นกว่าเดิม โดยอาจจะวิเคราะห์ตามหลัก 5’s Performance ให้เข้าใจว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร

1. Sell วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การขาย เช่น ปัจจุบันขายอย่างไร ขายช่องทางใด ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าได้อย่างไร รักษาฐานลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำอย่างไรบ้าง
2. Serve วิธีการบริการลูกค้าในปัจจบันเป็นอย่างไร
3. Sizzle คุณค่าที่มอบให้แก่ลูกค้ามีอะไรบ้าง
4. Speak ปกติแล้วใช้วิธีการใดในการสื่อสารกับลูกค้า แล้วสื่อสารกับลูกค้าอย่างไรบ้าง
5. Save วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจในปัจจุบันมีหรือไม่อย่างไร

การวิเคราะห์ SWOT Analysis เป็นการวิเคราะห์สภาพองค์กรในปัจจุบัน เพื่อค้นหาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคในการดำเนินงาน

1. Strength คือ จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบของคุณคืออะไร
2. Weaknesses คือ จุดอ่อนหรือข้อเสียเปรียบของคุณคืออะไร
3. Opportunities คือ โอกาสของคุณคืออะไร
4. Threats คือ อุปสรรค ข้อจำกัดหรือภัยคุกคามของคุณคืออะไร

การวิเคราะห์ Competitor Analysis คือ การวิเคราะห์คู่แข่ง จุดประสงค์ก็เพื่อสำรวจว่าคู่แข่งที่เป็นผู้นำในตลาดนั้นใช้กลยุทธ์ใดในการดำเนินการ รวมไปถึงการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่ง เพื่อนำมาปรับใช้กับสินค้าหรือบริการขององค์กรเรา โดยเริ่มต้นที่การตั้งคำถามดังนี้

1. ใครคือคู่แข่งในตลาดของคุณบ้าง?
2. สินค้าหรือบริการที่คู่แข่งขายคืออะไร?
3. ส่วนแบ่งทางการตลาดของแต่ละเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?
4. กลยุทธ์ในอดีตที่คู่แข่งเคยใช้มีอะไรบ้าง?
5. กลยุทธ์ปัจจุบันที่คู่แข่งกำลังใช้อยู่มีอะไรบ้าง?
6. สื่อที่คู่แข่งใช้ในการโปรโมทสินค้าและบริการใช้สื่อใดบ้าง?
7. คู่แข่งใช้งบประมาณด้านการตลาดเท่าไหร่?
8. จุดแข็ง จุดอ่อน ของคู่แข่งคืออะไร?
9. คู่แข่งเปิดโอกาสหรือช่องว่างอะไรให้เราเข้าไปทำการตลาดได้บ้าง?

สรุปแล้ว ไม่ว่าแพลตฟอร์มใดจะครองใจคนใช้งานทั่วโลก แต่สิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญคือ กลุ่มเป้าหมายของคุณรวมตัวกันอยู่ที่แพลตฟอร์มใด ส่วนวิธีการวิเคราะห์ธุรกิจข้างต้น จะช่วยให้คุณเข้าใจธุรกิจของตนเองมากขึ้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้วางแผนทำการตลาด กระตุ้นยอดขาย หาลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเก่าในแพลต์ฟอร์มหลักของคุณ

ที่มา: Wynnsoft Solution สร้างโอกาสให้คนรู้จักสินค้าและบริการแบบก้าวกระโดด ด้วยการสร้างเว็บไซต์ที่ Wynnsoft Solution เรามีเว็บไซต์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เรารับทำเว็บไซต์โรงแรม รับทำเว็บไซต์ขายของ ไปจนถึงเว็บไซต์สำเร็จรูป WordPress ระบบใช้งานง่าย ดีไซน์สวยงามตรงตามความต้องการ ไม่ทิ้งบริการหลังการขาย